คิดค้นวิธีใหม่เพื่อวัดความเปราะบางของป่าเขตร้อน
Thai

คิดค้นวิธีใหม่เพื่อวัดความเปราะบางของป่าเขตร้อน

by

nature
wildlife
international relations

สรุปบทความ National Geographic กุมภาพันธ์ 2567

คิดค้นวิธีใหม่เพื่อวัดความเปราะบางของป่าเขตร้อน

ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนในอินโดนีเซียถึงแอมะซอนถึงป่ารอบน้ำแม่โขง ความหลายหลายทางชีวิภาพถูกให้ชีวิตจากป่าแห่งใด ป่าทำเป็นทั้งสองเกระและที่อยู่อาศัย วิฏจักรของความชื่นที่เคลื่อนจากแม่น้ำยอมให้พืชพรรณ ดูดซิบในราก ซึ่งกลายเป็นอาหารต่อสัตว์ป่าหลายชนิด อย่างไรก็ตาม นอกจากการลับลอบค้าและภาวะโลกร้อน แผ่นดินที่ไพศาลของป่าฝนทั่วโลกโดนคุกความจากความเสี่ยงที่สูงขึ้นและก็นักนิเวศวิทยาได้สร้างดัชนีเพื่อวัดความเปราะปางของป่าเขตร้อนทุกแห่งในโลกแล้ว

เพื่อเปิดทางให้เลี้ยงปศุสัตว์ ฟาร์มและสวนปาล์มสร้างถนน หรือโครงการพัฒนาอื่นๆ ของมนุษย์ ป่าฝนเขตร้อนถูกโด่นแผ้วถางรอมข้อมูลดาวเทียมตลอดเวลา 40 ปี สมาคมเนชั่นแล จีโอกราฟฟิก สร้าง "ดัชนีความเประบาง" ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถวางแผนใช้ในการฟื้นฟูของป่าฝนที่เสี่ยงมากที่สุด นอกจากการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งควบคู่กับการตัดไม้ทำลายป่า ป่าแอมะซอนเผชิญความเสี่ยงมากที่สุดในโลก

รายงานของดัชนีแจ้งว่าป่าในแอฟริกากำลังประสบปัญหาเรื่องไฟมากกว่าที่อื่นๆ แต่สาเหตุใหญ่ที่สุดที่ส่งผลกระทบเป็นลบมากช่วงนี้และต่อช่วงอนาคตคือการสูนเสียน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับแห้งแล้งอยู่เวลานาน ส่วนป่าของทวีปเอเขีย มีแต่จีนที่เป็นผลบวกอย่างยิ่งยวดจากการฟื้นตัวโดยการปลูกป่า แต่ว่าในที่อื่นในเอเชีย การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินเป็นสาเหตุของความเสียหายมากกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่าอุญหภูมิในเอเชียก็พุ่งสูงขึ้น

การตัดไม้ทำป่าเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นระบบนิเวศทำงานต่างเดิมอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไม่ใช่แต่สภาพภูมิอากาศ แต่ก็ต่อต้นไม้ป่าด้วย แม้ถึงฝนตกกระหน่ำ ป่าที่เหลือจะป้องกันอุทกภัยไม้พอ นักวิทยาศาสตร์ไม่รู้จะพยาการณ์ปฏิกิริยายังไงต่อ แต่พวกเขาบอกว่าแม้แต่การหยุดยั้งการนัดไม้ทำลายป่าเป็นเรื่องส่วนใหญ่ การฟื้นฟูต้องเป็นเรื่องมากทีสุด

Headline image by kyleclevelandphoto on Unsplash

0